ความรู้ทันตกรรม

จัดฟันแบบไหนดี? รวมข้อดีของการจัดฟันแต่ละแบบ

24

ก.ค.

จัดฟันแบบไหนดี รวมข้อดีของการจัดฟันแต่ละแบบ
Table of Contents

ข้อดีของการจัดฟันแต่ละแบบมีอะไรบ้าง? เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกับการจัดฟันมาพอสมควรแล้ว เพราะเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่พบเห็นได้โดยทั่วไปในทุกช่วงวัย ทุกกลุ่มอาชีพ และถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ส่งผลต่อความสวยงามได้อีกด้วย เพราะในบางกรณี อาจทำให้รูปหน้าเปลี่ยน อาจจะดูเรียวขึ้น หรือคางดูชัดขึ้น ซึ่งก็เป็นผลทางอ้อมจากการจัดฟันนั่นเอง และในบทความนี้จะพาไปดูข้อดีของการจัดฟันแต่ละแบบ เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมสำหรับแต่คนละบุคคล

การจัดฟันเหมาะกับใครบ้าง

การจัดฟันเหมาะกับใครบ้าง

เนื่องจากการจัดฟันถือเป็นการรักษาทางทันตกรรม จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันในรูปแบบต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การบดเคี้ยวอาหาร การออกเสียง การทำความสะอาด หรือแม้แต่ความมั่นใจเองก็ตาม และปัญหาของฟันที่ควรได้รับการรักษา ได้แก่

  • ฟันซ้อนเก
  • ฟันยื่น ฟันเหยิน
  • ฟันห่าง
  • ภาวะสบลึก
  • ขากรรไกรบนหรือล่างยื่นออกมา
  • ฟันสบไม่ปกติ

และการจัดฟันเป็นการรักษาที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้น จะต้องได้รับการรักษาโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ ความสามารถโดยตรงเท่านั้น

(อ่านเพิ่มเติม: จัดฟันผ่าขากรรไกรช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับปัญหาฟันแบบไหน)

การจัดฟันมีกี่รูปแบบ

การจัดฟันมีกี่รูปแบบ

ในปัจจุบันนี้มีการจัดฟันอยู่ 4 รูปแบบหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่

  1. จัดฟันแบบโลหะ (Metal Bracket)
  2. จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)
  3. จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces)
  4. จัดฟันแบบใส (Invisalign)

(เรียนรู้เพิ่มเติม: จัดฟันมีกี่แบบ แบบไหนเหมาะกับใคร เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย พร้อมราคา)

ข้อดีของการจัดฟันแต่ละแบบ

1. จัดฟันแบบโลหะ

จัดฟันแบบโลหะ

จัดฟันแบบโลหะ (Metal Bracket) เป็นการจัดฟันที่พบได้บ่อยที่สุด มีราคาถูกที่สุด ซึ่งทำมาจากวัสดุโลหะ มีความแข็งแรงและมีผิวที่เรียบและมันวาว ทำให้คราบอาหารและคราบจุลินทรีย์ติดยากกว่าชนิดอื่น สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟัน

2. จัดฟันแบบเซรามิก

จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces) เป็นการจัดฟันที่สังเกตเห็นเครื่องมือจัดฟันได้ยากกว่าแบบโลหะ ซึ่งทำมาจากวัสดุเซรามิกใส มีความใสและสีเหมือนฟัน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่โดดเด่นจนเกินไป จึงทำให้สังเกตเห็นได้ยากนั่นเอง ใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟัน

3. จัดฟันแบบดามอน

จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces) เป็นการจัดฟันที่ทำให้ฟันเคลื่อนที่ไวขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการจัดฟันลงได้ นอกจากนี้ยังเจ็บน้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่น เนื่องจากแรงกดบนฟันน้อยลงและการเสียดสีบนฟันต่ำ ใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟัน

4. จัดฟันแบบใส

จัดฟันแบบใส

จัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นการจัดฟันที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะทำมาจากพลาสติกใสและบาง ไม่สามารถสังเกตเห็นเครื่องมือจัดฟันได้ และยังมีความสะดวกสบายเพราะสามารถถอดออกเพื่อทานอาหารหรือแปรงฟันได้ ใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟัน

บทสรุป

การจัดฟันแต่ละรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันแบบเซรามิก จัดฟันแบบดามอน หรือการจัดฟันแบบใส ต่างก็มีข้อดีและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มากขึ้นแล้ว

คลินิกทันตกรรม Dio Dental มีบริการจัดฟันในทุกรูปแบบด้วยเครื่องมือจัดฟันและเครื่องมือทันตกรรมที่สะอาด ทันสมัยและได้มาตรฐาน พร้อมด้วยทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงและมีประสบการณ์ในการจัดฟัน

บทความเพิ่มเติม:

แชร์ผ่าน Facebook
แชร์ผ่าน Twitter
แชร์ผ่าน LinKedin
นัดเพื่อปรึกษาทันตแพทย์
บทความล่าสุด
Follow Us