ในยุคปัจจุบัน พูดได้เลยว่า ‘จัดฟัน’ หรือจัดฟันผ่าตัดขากรรไกร กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์แฟชั่นเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากการรักษาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามที่รู้กันแล้ว ยังสามารถเพิ่มเสน่ห์ให้แก่รอยยิ้มได้เป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อได้เลยว่าหลายคนยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับแบบจัดฟันมากนัก แม้แต่คนไข้บางรายก็อาจจะยังไม่ทราบ ดังนั้นแล้ว บทความนี้จะพาท่านไปทำความรู้จักกับการจัดฟันกันให้มากยิ่งขึ้น พร้อมให้คำตอบว่าจัดฟันมีกี่แบบ และจัดฟันราคาเริ่มต้นเท่าไหร่
ทำไมต้องจัดฟัน ไม่จัดได้ไหม?
จัดฟัน หรือที่บางคนเรียกว่า ‘ดัดฟัน’ เป็นการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากต่าง ๆ โดยประกอบไปด้วย ปัญหาฟันที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน ปัญหาทางทันตกรรมที่เกิดจากการไม่จัดฟัน และจัดฟันเพื่อปรับปรุงสุขภาพช่องปาก เรามาดูกันดีกว่าการจัดฟันช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
ปัญหาฟันที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน
การจัดฟันเป็นการแก้ไขปัญหาการสบฟันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาช่องปากอื่น ๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันซ้อน ฟันเก ฟันยื่น หรือฟันเรียงตัวไม่สวยงาม เพื่อให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที เหมาะสม ทั้งนี้บางเคสอาจจะต้องถอนฟันด้วย เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ปัญหาทางทันตกรรมที่เกิดจากการไม่จัดฟัน
หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าปัญหาสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าที่คิด ซึ่งบางคนมักคิดว่า หากไม่รู้สึกเจ็บหรือเกิดอาการผิดปกติก็ไม่จำเป็นต้องจัดฟัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยปัญหาให้ยาวนานมากขึ้น ประสิทธิภาพการเคี้ยวอาหารจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาช่องปากอื่น ๆ ตามมากได้
จัดฟันเพื่อปรับปรุงสุขภาพช่องปากและฟัน
เชื่อได้เลยว่าปัจจัยจัดฟันสวยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้หลายคนตัดสินจัดฟัน ซึ่งนั่นก็คือการปรับปรุงสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขปัญหาฟันเท่านั้น ยังเป็นการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพของคนไข้ให้ดียิ่งขึ้นได้ รวมถึงเพิ่มเสน่ห์ในรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกเลยที่วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยเลยจัดฟันเพราะความสวยความงาม

ประเภทของการจัดฟัน มีกี่แบบ พร้อมข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้!
จัดฟันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกันคือแบบติดเครื่องมือ และแบบไม่ติดเครื่องมือ โดยแบบติดเครื่องมือประกอบด้วยการจัดฟัน 2 ประเภท ได้แก่ จัดฟันเหล็ก (Metal Braces) จัดฟันเซรามิก (Ceramic Braces) และจัดฟันดามอน (Damon Braces) และแบบไม่ติดเครื่องมือ ได้แก่ จัดฟันใส (Invisalign) ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าจัดฟันแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร และเลือกจัดฟันแบบไหนดี
การจัดฟันแบบใส (Invisalign)
ข้อดี
- มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน
- ถอดมาทำความสะอาดได้ง่าย
- ไม่จำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง
- ไม่เกิดอาการระคายเคือง
ข้อเสีย
- ราคาสูงที่สุดในหมู่การจัดฟันทุกประเภท
- จำเป็นต้องใส่ตลอดเวลา
- ไม่เหมาะสำหรับปัญหาช่องปากรุนแรงและซับซ้อน
การจัดฟันแบบเหล็ก (Metal Braces)
ข้อดี
- ราคาถูก
- แข็งแรงและทนทาน
- เหมาะสำหรับปัญหาสุขภาพช่องปากซับซ้อน
ข้อเสีย
- ไม่สวยงาม
- เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย
- ต้องดูแลอย่างเข้มงวด
การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)
ข้อดี
- ลดความเสี่ยงการเกิดเครื่องมือเกี่ยวกับกระพุ้งแก้ม
- ความสวยงาม เรียบและโค้งมน
- เครื่องมือมีสีใกล้เคียงกับสีฟัน
ข้อเสีย
- ราคาแพงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
- แตกหักได้ง่าย
- จำเป็นต้องดูแล ทำความสะอาดอย่างละเอียด
การจัดฟันแบบดามอน (Damon Braces)
ข้อดี
- เครื่องมือจัดฟันเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ
- เกิดอาการเจ็บน้อย
- ใช้ระยะเวลาสั้น
- ไม่จำเป็นต้องพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง
ข้อเสีย
- เครื่องมือจัดฟันมีขนาดใหญ่
- มีราคาสูงกว่าการจัดฟันทุกประเภท
จัดฟันครั้งแรกเริ่มต้นอย่างไรดี มีกระบวนการจัดฟันอย่างไร?
กระบวนการจัดฟันแตกต่างกันออกไปตามประเภท เพราะการจัดฟันแต่ละแบบต่างมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกันไป รวมถึงวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือที่ต้องใช้ก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย แต่กระนั้น ขั้นตอนและกระบวนการหลัก ๆ ยังคงมีความคล้ายคลึงกันอยู่ จะมีกระบวนการและอุปกรณ์จัดฟัน มีอะไรบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กัน!
ขั้นตอนการเริ่มต้น การปรึกษาทันตแพทย์
ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา จำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อประเมินและตรวจสอบสุขภาพช่องปาก ว่าฟันแบบไหนควรจัดฟัน หรือไม่ควรจัดฟัน เพราะบางเคสมีลักษณะฟันที่ไม่ควรจัด ทันตแพทย์จึงแนะนำว่าควรทำทันตกรรมอื่นแทน เนื่องจากคนไข้แต่ละรายมีสุขภาพช่องปากแตกต่างกันออกไป ทำให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วยเช่นกัน
การวางแผนการรักษา
หลังประเมินสุขภาพช่องปาก ทันตแพทย์จะแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ พร้อมให้ข้อมูลสำคัญให้แก่คนไข้ได้ทราบก่อนตัดสินใจจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการรักษา ระยะเวลา ไปจนถึงค่าใช้จ่าย เมื่อคนไข้ตกลงและยอมรับการจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟัน หรือบางกรณีอาจจะต้องเอกซเรย์ (X-Ray) สำหรับการวิเคราะห์โครงสร้างอย่างละเอียด เพื่อออกแบบการจัดฟันที่มีเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
เคลียร์ช่องปาก
ก่อนเริ่มต้นจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปากของคนไข้ให้สะอาดก่อนทุกครั้ง ซึ่งในกรณีที่คนไข้มีปัญหาฟันผุ หรือความผิดปกติในช่องปากจำเป็นต้องรักษาให้หายดีก่อนเริ่มจัดฟัน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาที่อาจตามมาในภายหลังได้
ขั้นตอนการติดเครื่องมือจัดฟัน
เมื่อสุขภาพช่องปากของคนไข้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมจัดฟันแล้ว ทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องมือและอุปกรณ์จัดฟันลงบนผิวฟันตามขั้นตอน ซึ่งถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น จากนั้นทันตแพทย์จะนัดมาปรับเครื่องมือเป็นระยะตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับประเภทของการจัดฟันด้วย ซึ่งปกติแล้วทันตแพทย์มักจะนัดทุก ๆ 1 เดือน สำหรับการปรับเครื่องมือจัดฟัน
ระยะเวลาในการจัดฟัน
ระยะเวลาจัดฟันไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งประเภท สภาพช่องปาก การดูแลรักษา หรืออาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ดังนั้นแล้ว ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าใช้เวลามากน้อยแค่ไหนถึงจะสามารถถอดเครื่องมือและใส่รีเทนเนอร์ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ส่วนใหญ่แล้วใช้เวลาตั้งแต่ 1 ปีเป็นต้นไป
การดูแลรักษาฟันระหว่างการจัดฟัน
หากไม่อยากจัดฟันซ้ำซ้อนหลายครั้ง หรือเกิดปัญหา การดูแลรักษาช่องปากจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากการทำความสะอาดแล้ว ยังทำให้การจัดฟันเป็นไปอย่างราบรื่นด้วย ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าวิธีการดูแลรักษาฟันระหว่างจัดฟันควรทำอย่างไรบ้าง
วิธีการทำความสะอาดฟันระหว่างการจัดฟัน
ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหาร เพื่อกำจัดคราบและเศษอาหารที่อาจจะติดในร่องฟัน อีกทั้งทันตแพทย์ยังแนะนำอีกว่าการใช้ไหมขัดฟันและการบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอก็เป็นวิธีที่ควรทำด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้ฟันมีสุขภาพแข็งแรง และเลี่ยงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
ช่วงแรกคนไข้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเหนียวจำพวก หมากฝรั่ง หรือเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหารแข็งด้วย เพราะอาหารเหล่านี้อาจจะทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดออก ซึ่งส่งผลให้การรักษายาวนานมากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทันตแพทย์ส่วนใหญ่ล้วนแนะนำว่าควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ อย่างโจ๊กและข้าวต้มเป็นหลักแทน
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแพงไหม?
หากพูดถึงค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน ไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ว่าจัดฟันราคาเท่าไหร่ เพราะก่อนจัดฟันอาจจะต้องทำการรักษาสุขภาพช่องปากร่วมด้วย อีกทั้งคุณภาพของวัสดุสำหรับเครื่องมือจัดฟันที่ยิ่งมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายก็สูงตามมากเท่านั้น นอกจากนี้การจัดฟันแต่ละแบบก็ยังมีราคาไม่เท่ากันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม คลินิกทันตกรรมแต่ละแห่งมีราคาเฉลี่ยไม่แตกต่างกันมาก โดยราคาเบื้องต้นของการจัดฟันแต่ละแบบ ได้แก่ จัดฟันเหล็กเริ่มที่ 30,000 บาท จัดฟันเซรามิกเริ่มที่ 50,000 บาท จัดฟันใส เริ่มที่ 70,000 บาท และจัดฟัน Damon เริ่มที่ 80,000 บาท ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจดัดฟัน ควรเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้น

จัดฟันกับ DIODENTAL ดีอย่างไร
คลินิกจัดฟัน DIODENTAL ดำเนินการโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การรักษาอย่างช่ำชอง ควบคู่ไปกับเครื่องไม้เครื่องมือเต็มระบบที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล รับประกันได้เลยว่าความแตกต่างก่อน-หลังจัดฟันชัดเจนอย่างแน่นอน โดยทางคลินิกเปิดให้บริการมาหลายปี ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามาอย่างยาวนานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 40,000 คน จนปัจจุบันมีสาขามากกว่า 20 แห่งทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ ทุกปัญหาช่องปากจะหมดไป เพียงแค่เลือก Dio Dental Clinic เพราะเราพร้อมให้บริการทันตกรรมทุกรูปแบบ ไม่เฉพาะจัดฟันเท่านั้น แต่ยังมีบริการอื่น ๆ ที่ครอบคลุมทุกสาขาทันตกรรม ยกตัวอย่างเช่น โดยคลินิกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสะอาดเป็นหลักก่อนเสมอ ทั้งสภาพแวดล้อมภายในคลินิก หรือความสะอาดห้องรักษา เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การรักษาที่ดีและเหมาะสมมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อย
ระยะเวลาจัดฟันกี่ปี?
ระยะเวลาจัดฟันแต่ละเคสอยู่ที่ 1 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ อาทิเช่น สภาพช่องปากว่าเป็นลักษณะฟันที่ไม่ควรจัดหรือไม่ ประเภทของการจัดฟัน การดูแลสุภาพช่องปาก อาหารการกิน และรวมไปถึงความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพของทันตแพทย์ก็มีส่วนด้วยเช่นเดียวกัน
จัดฟันได้ตั้งแต่อายุเท่าไร
ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ การจัดฟันสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 10 ปี เป็นต้นไป เพราะการจัดฟันตั้งแต่อายุน้อยมีประสิทธิภาพมากกว่าอายุเยอะ เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าและช่องปากมากที่สุด ส่งผลให้ฟันสามารถเคลื่อนตัวได้ง่าย แต่กระนั้น ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อความเหมาะสมในการรักษา
จัดฟันเจ็บไหมครั้งแรก
ในส่วนของการติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน อาจจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ เพราะเป็นความเจ็บจากการปรับเครื่องมือให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง อีกทั้งยังมีการใช้ยาชาร่วมด้วย เพื่อลดอาการเจ็บปวดของคนไข้ แต่ทั้งนี้ คนไข้จะรู้สึกเจ็บมากขึ้นหลังจากการติดเครื่องมือเสร็จสิ้น เพราะเกิดการเสียดสีระหว่างเครื่องมือจัดฟันและกระพุ้งแก้มหรือริมฝีปากจนเกิดบาดแผล
สรุป จัดฟัน เพื่อสร้างรอยยิ้มที่สวยงาม!
การจัดฟันสามารถแก้ไขปัญหาช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คนไข้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง รวมไปถึงการปรับบุคลิกภาพให้ดีมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย โดยหลายคนเชื่อกันว่าการจัดฟันสามารถลดน้ำหนักได้ ซึ่งจะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด เพราะหลังจากติดเครื่องมือจัดฟันแล้ว คนไข้สามารถรับประทานได้เพียงอาหารอ่อนเท่านั้น ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ไขมันในร่างกายลดลงด้วย
หากใครกำลังมองหาคลินิกจัดฟันที่ดีและมีคุณภาพ ไม่เลี้ยงไข้ Dio Dental Clinic ตอบโจทย์ทุกปัญหาช่องปากอย่างแน่นอน พร้อมให้บริการทันตกรรมทุกรูปแบบ ทั้งการจัดฟัน การรักษารากฟันเทียม หรือการฟอกสีฟัน เป็นต้น หากใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เบอร์ 083-994-2467