รากฟันเทียมมีกี่แบบ คือคำถามของผู้ต้องการทำรากฟันเทียมอยากที่จะรู้ โดยรากฟันเทียมคือการรักษาและแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติที่เห็นผลชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และในบทความนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วว่าการทำรากฟันเทียมนั้นมีกี่รูปแบบ และแต่ละแบบนั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง
รากฟันเทียมทำมาจากอะไร
รากฟันเทียมหรือรากเทียมที่จะทำการฝังเข้าไปนั้น ทำมาจากไทเทเนียม ซึ่งจะมีรูปร่างคล้ายสกรูน็อต โดยจะใส่เข้าไปยึดกับกระดูกขากรรไกร เพื่อเป็นการทดแทนรากฟันธรรมชาติของฟันแท้ที่สูญเสียไป และเนื่องจากรากเทียมเป็นวัสดุทำจากไทเทเนียม จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟันผุเหมือนฟันแท้ และจะใช้ร่วมกับตัวครอบฟันที่ทำมาจากเซรามิก ซึ่งมีสีและรูปร่างเหมือนกับตัวฟันตามธรรมชาติ
กระบวนการทำรากฟันเทียม
ในการทำรากฟันเทียม จะมีกระบวนการในการทำรากฟันเทียมอยู่ 2 ขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนแรกจะเริ่มจากการผ่าตัดเพื่อฝังรากฟันเทียม และขั้นตอนที่สองจะเป็นการทำการครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมลงบนรากฟันเทียม
โดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ละคลินิกทันตกรรมจะมีการเลือกใช้ยี่ห้อของรากฟันเทียมที่แตกต่างกัน แต่จะมียี่ห้อของรากฟันเทียมที่ได้รับความนิยมจากทันตแพทย์มากมาย ดังนี้
- รากฟันเทียม Straumann จากประเทศสวิสเซอแลนด์
- รากฟันเทียม Osstem จากประเทศเกาหลีใต้
- รากฟันเทียม Hiossen จากประเทศเกาหลีใต้
- รากฟันเทียม SIC Invent จากสวิตเซอร์แลนด์
รากฟันเทียมมีกี่แบบ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำรากฟันเทียมเป็นการรักษาเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติ ซึ่งการสูญเสียฟันก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ การทำการรักษารากฟันเทียมจึงมีหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
รากฟันเทียมซี่เดียว (Single Dental Implant)
การทำรากฟันเทียมแบบซี่เดียว เป็นรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันไป 1 ซี่ หรือหลายซี่แต่อยู่ห่างกัน สามารถทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียง โดยจะทำการฝังรากฟันเทียมและใช้ตัวครอบฟันที่มีสีเหมือนฟันลงไป
รากฟันเทียมหลายซี่ (Implant-Supported Bridge)
การทำรากฟันเทียมแบบหลายซี่ เป็นรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันไปมากกว่า 1 ซี่ และอยู่เรียงกันหรืออยู่หลายๆ ตำแหน่ง โดยจะทำการฝังรากเทียมและใส่สะพานฟันบนครอบรากฟันเทียม และจะมีแกนฟันในการเชื่อมต่อระหว่างรากฟันเทียมและสะพานฟันให้ยึดติดกัน
รากฟันเทียมทั้งปาก (Implant-Retained Denture)
การทำรากฟันเทียมแบบทั้งปาก เป็นรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันไปทั้งช่องปาก ซึ่งจะสามารถใส่เป็นสะพานฟันครอบหรือใช้ฟันปลอมก็ได้ โดยการเลือกใช้ฟันปลอมก็จะมีให้เลือกทั้งแบบถอดได้และแบบติดแน่น
(อ่านเพิ่มเติม: รากฟันเทียมทั้งปาก แบบติดแน่น ให้ฟันที่สูญเสียไปกลับใช้งานได้แบบปกติ)
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
เนื่องจากการทำรากฟันเทียมเป็นการรักษาฟันทางทันตกรรมโดยทันตแพทย์ จึงมีความปลอดภัยและยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ได้แก่
- มีความเป็นธรรมชาติเหมือนฟันแท้
- ความแข็งแรงเหมือนฟันแท้ สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดหรือแตกหัก
- ไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อใส่สะพานฟัน
- มีระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานถึง 10-20 ปี ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลและตำแหน่งของการฝังรากฟัน
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม การพูดคุย และช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น
ทำรากฟันเทียมเจ็บหรือไม่
ในขั้นตอนหรือกระบวนการทำรากฟันเทียมจะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งอาจจะรู้สึกเจ็บตอนที่ฉีดยาชาได้ แต่ตลอดการผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บ ซึ่งความรู้สึกเจ็บ ปวด หรือระบมอาจจะมีบ้างเล็กน้อยหลังจากการผ่าตัด แต่จะสามารถทานยาเพื่อบรรเทาอาการตามที่ทันตแพทย์จัดให้ได้
บทสรุป
การทำรากฟันเทียมสามารถเลือกรูปแบบได้ตามสภาพปัญหาฟัน ซึ่งถือว่าครอบคลุมการสูญเสียฟันในทุกรูปแบบ และสำหรับใครที่กกังวลว่าจะสามารถทำรากฟันเทียมได้หรือไม่ หรือควรจะทำรากฟันเทียมแบบไหนดี ก็สามารถเข้าไปที่คลินิกทันตกรรมเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อดูปัญหาฟัน และปรึกษากับทางทันตแพทย์ได้เลย
และถ้าหากคุณกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมสำหรับทำรากฟันเทียม ที่ Dio Dental ยินดีและพร้อมให้บริการ เพราะที่ Dio Dental นั้นมีเครื่องมือทันตกรรมที่ได้มาตรฐานและมีความทันสมัย นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่สูงอีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าการทำรากฟันเทียมที่ Dio Dental นั้นจะเป็นที่พึงพอใจอย่างแน่นอน