ความรู้ทันตกรรม

รากฟันเทียมมีกี่แบบ? แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

17

มิ.ย.

รากฟันเทียมมีกี่แบบ ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
Table of Contents

รากฟันเทียมมีกี่แบบ คือคำถามของผู้ต้องการทำรากฟันเทียมอยากที่จะรู้ โดยรากฟันเทียมคือการรักษาและแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติที่เห็นผลชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และในบทความนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วว่าการทำรากฟันเทียมนั้นมีกี่รูปแบบ และแต่ละแบบนั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง

รากฟันเทียมทำมาจากอะไร

รากฟันเทียมทำมาจากอะไร

รากฟันเทียมหรือรากเทียมที่จะทำการฝังเข้าไปนั้น ทำมาจากไทเทเนียม ซึ่งจะมีรูปร่างคล้ายสกรูน็อต โดยจะใส่เข้าไปยึดกับกระดูกขากรรไกร เพื่อเป็นการทดแทนรากฟันธรรมชาติของฟันแท้ที่สูญเสียไป และเนื่องจากรากเทียมเป็นวัสดุทำจากไทเทเนียม จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟันผุเหมือนฟันแท้ และจะใช้ร่วมกับตัวครอบฟันที่ทำมาจากเซรามิก ซึ่งมีสีและรูปร่างเหมือนกับตัวฟันตามธรรมชาติ

กระบวนการทำรากฟันเทียม

ในการทำรากฟันเทียม จะมีกระบวนการในการทำรากฟันเทียมอยู่ 2 ขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนแรกจะเริ่มจากการผ่าตัดเพื่อฝังรากฟันเทียม และขั้นตอนที่สองจะเป็นการทำการครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมลงบนรากฟันเทียม 

โดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ละคลินิกทันตกรรมจะมีการเลือกใช้ยี่ห้อของรากฟันเทียมที่แตกต่างกัน แต่จะมียี่ห้อของรากฟันเทียมที่ได้รับความนิยมจากทันตแพทย์มากมาย ดังนี้

  • รากฟันเทียม Straumann จากประเทศสวิสเซอแลนด์
  • รากฟันเทียม Osstem จากประเทศเกาหลีใต้
  • รากฟันเทียม Hiossen จากประเทศเกาหลีใต้
  • รากฟันเทียม SIC Invent จากสวิตเซอร์แลนด์

รากฟันเทียมมีกี่แบบ

รากฟันเทียมมีกี่แบบ

อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำรากฟันเทียมเป็นการรักษาเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติ ซึ่งการสูญเสียฟันก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ การทำการรักษารากฟันเทียมจึงมีหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

รากฟันเทียมซี่เดียว (Single Dental Implant)

การทำรากฟันเทียมแบบซี่เดียว เป็นรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันไป 1 ซี่ หรือหลายซี่แต่อยู่ห่างกัน สามารถทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียง โดยจะทำการฝังรากฟันเทียมและใช้ตัวครอบฟันที่มีสีเหมือนฟันลงไป

รากฟันเทียมหลายซี่ (Implant-Supported Bridge)

การทำรากฟันเทียมแบบหลายซี่ เป็นรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันไปมากกว่า 1 ซี่ และอยู่เรียงกันหรืออยู่หลายๆ ตำแหน่ง โดยจะทำการฝังรากเทียมและใส่สะพานฟันบนครอบรากฟันเทียม และจะมีแกนฟันในการเชื่อมต่อระหว่างรากฟันเทียมและสะพานฟันให้ยึดติดกัน

รากฟันเทียมทั้งปาก (Implant-Retained Denture)

การทำรากฟันเทียมแบบทั้งปาก เป็นรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันไปทั้งช่องปาก ซึ่งจะสามารถใส่เป็นสะพานฟันครอบหรือใช้ฟันปลอมก็ได้ โดยการเลือกใช้ฟันปลอมก็จะมีให้เลือกทั้งแบบถอดได้และแบบติดแน่น

(อ่านเพิ่มเติม: รากฟันเทียมทั้งปาก แบบติดแน่น ให้ฟันที่สูญเสียไปกลับใช้งานได้แบบปกติ)

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

เนื่องจากการทำรากฟันเทียมเป็นการรักษาฟันทางทันตกรรมโดยทันตแพทย์ จึงมีความปลอดภัยและยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ได้แก่

  • มีความเป็นธรรมชาติเหมือนฟันแท้
  • ความแข็งแรงเหมือนฟันแท้ สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดหรือแตกหัก
  • ไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อใส่สะพานฟัน
  • มีระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานถึง 10-20 ปี ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลและตำแหน่งของการฝังรากฟัน
  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม การพูดคุย และช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น

ทำรากฟันเทียมเจ็บหรือไม่

ในขั้นตอนหรือกระบวนการทำรากฟันเทียมจะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งอาจจะรู้สึกเจ็บตอนที่ฉีดยาชาได้ แต่ตลอดการผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บ ซึ่งความรู้สึกเจ็บ ปวด หรือระบมอาจจะมีบ้างเล็กน้อยหลังจากการผ่าตัด แต่จะสามารถทานยาเพื่อบรรเทาอาการตามที่ทันตแพทย์จัดให้ได้

บทสรุป

การทำรากฟันเทียมสามารถเลือกรูปแบบได้ตามสภาพปัญหาฟัน ซึ่งถือว่าครอบคลุมการสูญเสียฟันในทุกรูปแบบ และสำหรับใครที่กกังวลว่าจะสามารถทำรากฟันเทียมได้หรือไม่ หรือควรจะทำรากฟันเทียมแบบไหนดี ก็สามารถเข้าไปที่คลินิกทันตกรรมเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อดูปัญหาฟัน และปรึกษากับทางทันตแพทย์ได้เลย

และถ้าหากคุณกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมสำหรับทำรากฟันเทียม ที่ Dio Dental ยินดีและพร้อมให้บริการ เพราะที่ Dio Dental นั้นมีเครื่องมือทันตกรรมที่ได้มาตรฐานและมีความทันสมัย นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่สูงอีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าการทำรากฟันเทียมที่ Dio Dental นั้นจะเป็นที่พึงพอใจอย่างแน่นอน

บทความเพิ่มเติม:

แชร์ผ่าน Facebook
แชร์ผ่าน Twitter
แชร์ผ่าน LinKedin